เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด 0.25% ครั้งแรกรอบ 3 ปี หุ้นไทยลุ้นทดสอบ 1,680 จุด

บล.ฟิลลิปประเมินตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีแนวโน้มแกว่งตัวอิงทางขึ้นในกรอบ 1,660-1,685 จุด ลุ้นทดสอบแนวต้าน 1,680 จุด หากผ่านไปได้มีโอกาสเห็น SET Index กลับขึ้นไปถึง 1,700 จุดภายในเดือนนี้ ประชุมเฟดออกมาไม่มี Negative Surprise ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด 0.25% ครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี นับตั้งแต่ปลายปี’61 มองสงครามรัสเซียยูเครนจะยิ่งกดดันให้เกิดเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจชะลอตัว

วันที่ 17 มีนาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET Index เช้านี้คาดปรับตัวขึ้นต่อได้หลังเมื่อคืนผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ออกมาไม่มี Negative Surprise โดยปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.25-0.50% ตามคาดการณ์ ประกอบกับในประเทศมีแรงซื้อจากเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) กลับเข้ามากว่า 6,200 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 1 เดือนนับตั้งแต่มีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน

ซึ่งวานนี้ประธานาธิบดียูเครนได้มีถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสของสหรัฐเรียกร้องให้สหรัฐเป็นผู้นำสันติและช่วยเหลือยูเครนในการต่อต้านการรุกรานจากรัสเซีย ส่วนการเจรจาเบื้องต้นมีรายงานว่าประธานาธิบดีปูตินและเซเลนสกีจะเจรจากันโดยตรงในอีกไม่ช้า จึงน่าจับตาว่าจะเริ่มมีสัญญาณในการยุติสงครามได้หรือไม่

ภาพรวม SET Index ยังทำทรงดีต่อจากวานนี้ ที่ตลาดดีตตัวแรงหลังจีนประกาศเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือผลการล็อกดาวน์ในหลายเมือง ทำให้เศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัวลงไม่มาก

จึงคาดว่าเช้านี้ SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัวอิงทางขึ้นในกรอบระหว่าง 1,660-1,685 จุด ลุ้นทดสอบแนวต้าน 1,680 จุด หากผ่านไปได้มีโอกาสได้เห็น SET Index กลับขึ้นไปถึง 1,700 จุดภายในเดือนนี้

สำหรับผลการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้ มีประเด็นสำคัญดังนี้

1.ปรับขึ้นอตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี นับตั้งแต่ปลายปี 2561 มองสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะยิ่งกดดันให้เกิดเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัว

2.คาดการณ์ดอกเบี้ยหรือ Dot Plot มีโทนออกมาทาง Hawkish เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปีนี้จะมีค่ากลางอยู่ที่ 1.9% ตรงตามที่นักลงทุนคาด แต่สูงกว่าคาดการณ์ครั้งก่อน นั่นคือ Fed จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในทุกการประชุมที่เหลือของปีจำนวน 6 ครั้ง ส่วนปี 2566 และ 2567 ค่ากลางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ราว 2.8% ซึ่ง Fed ยังคงยืดหยุ่นและพร้อมจะใช้โยบายทางการเงินตามสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐ

3.การลดขนาดงบดุลหรือการทำ QT ทาง Fed จะประกาศรายละเอียดในการประชุมครั้งหน้าเดือน พ.ค. 2565 นั่นคือมีแนวโน้มจะเริ่มทำครั้งแรกในเดือน มิ.ย. 2565 ตรงกับที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้

4.คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐปีนี้ Fed คาดว่า GDP สหรัฐจะขยายตัวเพียง 2.8% ลดลงจากครั้งก่อนที่ 4% เงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมอาหารและพลังงานวัดค่าจาก Core PCE อยู่ที่ 4.1% ครั้งก่อน 2.7% และอัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5% เป็นผลกระทบโดยตรงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนในธีมต่อไปนี้ 1.หุ้นรับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในกลุ่มธนาคารและประกันภัย (KBANK, KKP, BBL) 2.หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลรับโควิดสายพันธุ์ใหม่ (BCH, CHG, IMH) 3.หุ้นรับประโยชน์ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง (SCGP, SC) และ 4.หุ้นรับมาตรการช่วยลดค่าครองชีพจากรัฐบาล

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance